"We use cookies to make your experience better". "To offer a better browsing experience, the website uses technical, analytical, profiling and third party cookies. By selecting "Accept" you consent to the use of all cookies. If you would like to know more or opt out of all or some cookies select "Manage Cookies". Learn more
All about Christian Dior Lady ตำนาน It Bag ที่ไม่มีวันตาย
All about Christian Dior Lady ตำนาน It Bag ที่ไม่มีวันตาย Dior Lady หนึ่งในกระเป๋าถือที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียงที่สุดในวงการแฟชั่นระดับโลก Lady Dior เป็นชื่อที่ทางแบรนด์ Christian Dior มอบให้กับกระเป๋าถือ เพื่อเป็นเกียรติแก่ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ออกแบบโดย Gianfranco Ferré ในปีค.ศ. 1994 ภายใต้ชื่อ Chouchou และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น Princesse ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น Lady Dior จนถึงปัจจุบัน SF Brandname จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกระเป๋ารุ่นนี้กันให้มากขึ้น
The History : ประวัติ
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1995 Bernadette Chirac (เบอร์นาเด็ตต์ ชีรัก) สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศฝรั่งเศสในขณะนั้น มีความประสงค์จะมอบกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์แก่ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เนื่องในโอกาสที่เธอเสด็จเยือนปารีส เมื่อสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศสติดต่อแบรนด์ดิออร์ เพื่อค้นหากระเป๋าดังกล่าว แบรนด์ได้ส่งมอบแบบร่างกระเป๋า ซึ่งถูกออกแบบโดย จอห์น กัลลิอาโน (John Galliano) ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กับ House of Dior ในขณะนั้น
กระเป๋าถูกตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "Chouchu” ซึ่งมีความหมายว่า “เป็นที่ชื่นชอบ” ในภาษาฝรั่งเศส กระเป๋าสีดำขลับ ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ได้ถูกมอบให้เลดี้ไดอาน่า ในพิธีเปิดนิทรรศการ Cézanne ที่ Grand Palais โดยหลังจากนั้นเจ้าหญิงมักจะนำกระเป๋าใบนี้ติดตัวไปออกงานด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเยือนเบอร์มิงแฮมอย่างเป็นทางการ หรือระหว่างพักผ่อนอยู่ที่อาร์เจนตินา จากนั้นอีกหลายต่อหลายครั้ง
ถือได้ว่า Lady Dior เป็นผลงานศิลปะที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ตัวกระเป๋าตกแต่งด้วยลวดลาย Cannage ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจาก เฟอร์นิเจอร์สองชิ้นที่พบในคฤหาสน์ส่วนตัวของ Dior บนถนน Avenue Montaigne ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 หนึ่งในนั้นคือ เก้าอี้นโปเลียนที่ 3 ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่เหล่าบรรดานักออกแบบเสื้อผ้าใชั้นั่งเพื่อดูการแสดงแฟชั่นโชว์ของเขา และเก้าอี้นวมหลุยส์ที่ 16
กระเป๋าใบนี้ ถูกตัดเย็บจากวัสดุหนังแกะสีดำอย่างดีจำนวนทั้งสิ้น 130 ชิ้น ใช้ช่างฝีมือทั้งหมด 7 คน โดยใช้วิธีการเย็บด้วยมือทั้งหมด ลวดลายบนกระเป๋า มีชื่อเรียกว่า “คานนาจ” (Cannage Pattern) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเก้าอี้นโปเลียน ในงานเปิดตัวแฟชั่นโชว์ครั้งแรกของ Dior เมื่อปี ค.ศ. 1947 มีลักษณะการสานของลายคล้ายกับลวดลายทรงเลขาคณิตแบบซ้อน เป็นผลงานที่สวยหรูไร้ที่ติ นับเป็นงานหัตถศิลป์ขั้นสูง ฝีมือเยี่ยม ยากจะหาใครมาเทียบ
สำหรับลายคานนาจนี้ ช่างฝีมือจะต้องใช้ทักษะขั้นสูงในการตัดเย็บลายทั้งหมดด้วยมือ ซึ่งช่าง 1 คน จะใช้เวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมงในการเย็บรวมถึงประกอบอะไหล่ของกระเป๋าเข้าด้วยกัน โดยมีอะไหล่เงินทั้งหมดจำนวน 43 ชิ้น ตัวกระเป๋ามาพร้อมกับสายสะพาย มีจุดเด่น คือ อะไหล่คล้ายพวงกุญแจ แสดงตัวอักษร Dior ที่ประดับอยู่ที่หูกระเป๋าสร้างความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตัวกระเป๋าต้องผ่านกระบวนการตัดเย็บ การขึ้นรูป และการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดโดยใช้ความละเอียดสูงสุดในทุกขั้นตอน กว่าจะได้มาซึ่งกระเป๋าที่คลาสสิคและสง่างามใบนี้
วันที่ 31 เดือนตุลาคม ในปีเดียวกัน เจ้าหญิงไดอาน่าทรงถือกระเป๋าที่ได้รับมาเป็นครั้งแรก ขณะเสด็จไปเยี่ยมเด็ก ๆ ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ (BIRMINGHAM, UNITED KINGDOM) ในครั้งนั้นเจ้าหญิง ฉลองพระองค์ด้วยชุดสูทสีขาวดำ ลายฮาวน์สทูธ (Houndstooth) วันนั้นเองกระเป๋าจากแบรนด์ Christian Dior ได้ปรากฏต่อสายตาคนทั้งโลก ซึ่งลุคของเจ้าหญิงไดอาน่าในวันนั้นได้ถูกบันทึกภาพโดยเหล่าปาปารัสซี่ที่คอยติดตาม และไม่นานก็ได้ถูกตีพิมพ์ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ รวมทั้งแท็บลอยด์ในวันต่อมา
ในไม่ช้ามันก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น "สัญลักษณ์" และ "ตำนาน" หลังจากนั้น ในระยะเวลาเพียงแค่ 2-3 เดือน ภาพของกระเป๋ารุ่นนี้ก็ถูกตีพิมพ์ลงบนสื่อต่าง ๆ มากมายติดต่อกัน ในหลาย ๆ สถานที่ ที่เจ้าหญิงไดอาน่าได้ไปเยี่ยมเยือน ทั้งในประเทศอังกฤษและอาร์เจนตินา ด้วยความที่เจ้าหญิงเปรียบดั่งแฟชั่นไอค่อนในขณะนั้น จึงทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ กลายเป็น Talk of the town ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้าและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ก็สร้างปรากฏการณ์อันน่าตกใจ โดยยอดขายของกระเป๋ารุ่นนี้ พุ่งสูงขึ้นถึง 10 เท่า ตั้งแต่เริ่มมีการจำหน่าย และสามารถสร้างยอดขายสูงสุด 200,000 ใบ ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ทาง Chirstian Dior จึงตั้งชื่อกระเป๋ารุ่นนี้ อย่างเป็นทางการว่า “Lady Dior” เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าหญิงไดอาน่า
เลดี้ ดิออร์ มีการออกคอลเลกชั่นใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย โดยมีทั้งวัสดุที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ผ้าซาติน หนังหายากต่าง ๆ เช่นหนังงูหรือหนังจระเข้ รวมถึงผ้าทวีต ปัจจุบัน Lady Bag ได้กลายมาเป็นหนึ่งใน It Bag ที่ครองใจสาว ๆ เรื่อยมา จนถึงทุกวันนี้
Increasing in Value : มูลค่าที่เพิ่มขึ้น
แม้ว่ามูลค่าของกระเป๋าในตลาดซื้อขาย แบรนด์เนมมือ 2 อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละปี แต่มูลค่าของกระเป๋า Lady Dior ในสภาพที่สมบูรณ์นั้นมีแต่แนวโน้มว่าจะสูงขึ้น โดยมูลค่าของกระเป๋าเพิ่มขึ้น 8% จากปี 2004-2016 และเพิ่มขึ้นมากกว่า 14% ตั้งแต่ปี 2014-2016 นี่ยังไม่รวมถึงราคาของกระเป๋ารุ่นที่ทำจากวัสดุหนังหายากบางรุ่น ซึ่งเคยมีบันทึกไว้ว่า สามารถทำเงินได้มากกว่า 20,000 ยูโร หรือ กว่า 7 แสนบาทในปัจจุบัน
ด้วยชื่อเสียงและความนิยม จึงทำให้ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินทั้งหลาย สร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนกระเป๋ารุ่นนี้ ก่อเกิดกระเป๋ารุ่น Limited Edition ซึ่งสร้างมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างเช่น Marc Quinn, Daniel Gordon และ Jason Martin ร่วมด้วย Lee Bul, John Giorno และ Spencer Sweeney ซึ่งรังสรรค์ผลงานออกมาในปี 2017 จึงไม่แปลกใจหากผลลัพท์ที่ได้จะไม่ใช่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงถึงคุณค่าทางงานศิลปะอีกด้วย
กระเป๋ารุ่นหายากเหล่านี้ ออกวางจำหน่ายด้วยจำนวนจำกัดและถูกขายหมดในเวลาไม่นาน สมดั่งคำกล่าวที่ทาง Dior นิยามเอาไว้ว่า “If the Lady Dior bag is timeless and highlights the modernity of Dior, it also elicits artistic reinterpretation.” ถึงแม้ว่าเลดี้ดิออร์จะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลาและแสดงถึงจุดเด่นในความทันสมัยของดิออร์ หากแต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงรสนิยมทางศิลปะอันร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
Lady Dior มีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกัน ได้แก่
- Mini Lady Dior ขนาด : ยาว 17 x สูง 15 x ลึก 7 เซนติเมตร (ยาว 6.6 x สูง 5.9 x ลึก 2.7 นิ้ว)
- Medium Lady Dior ขนาด : ยาว 24 x สูง 20 x ลึก 11 เซนติเมตร (ยาว 9.4 x สูง 7.8 x ลึก 4.3 นิ้ว)
- Large Lady Dior ขนาด : ยาว 32 x สูง 25 x ลึก 11 เซนติเมตร (ยาว 12.5 x สูง 9.8 x ลึก 4.3 นิ้ว)
- XL Large Shopper Lady Dior ขนาด : ยาว 42 x สูง 31 x ลึก 13 เซนติเมตร (ยาว 16 x สูง 12.2 x ลึก 5.1 นิ้ว)
รวมถึงรุ่นพิเศษอย่าง Micro Bag (ขนาด 12 x 10.2 x 5 เซนติเมตร หรือ 4.5 x 4 x 2 นิ้ว) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรก ในงานแฟชั่นโชว์ Spring/Summer 2015 หรือรุ่น Extra-Large ที่เปิดตัวในปี 2010
ในปี 2022 ทางแบรนด์ Dior ได้ฉีกภาพลักษณ์ของ Lady Dior จากทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่คุ้นตา สู่การเปิดตัว LADY D-JOY ซึ่งเป็นเวอร์ชันทรงสี่เหลี่ยมอันเพรียวบางในสไตล์คลาสสิก เวอร์ชั่นนี้ มีจำหน่ายด้วยกัน 3 ขนาดคือ Micro , Small และ Medium ซึ่งมาพร้อมกับตัวกระเป๋ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Lady Dior เน้นย้ำด้วยการเย็บแบบ Cannage และการประดับตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ DIOR ที่คุ้นเคยบนหูจับ
- LADY D-JOY MICRO : ขนาด 16 x 9 x 5 เซนติเมตร (6.5 x 3.5 x 2 นิ้ว) ขนาดพอเหมาะสำหรับโทรศัพท์ ลิปสติกหรือกระเป๋าใส่บัตร
- SMALL LADY D-JOY : ขนาด 22 x 12 x 6 เซนติเมตร (8.5 x 4.5 x 2.5 นิ้ว)
- MEDIUM LADY D-JOY : ขนาด 26 x 13.5 x 5 เซนติเมตร (10 x 5.5 x 2 นิ้ว) ขนาดพอเหมาะสำหรับโทรศัพท์ ลิปสติกหรือกระเป๋าใส่บัตร และแว่นตากันแดด
ราคาของแต่ละขนาดแตกต่างกันออกไป โดยขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือขนาด Medium และเป็นกระเป๋าที่มีการผลิตออกมาทุกปี เป็น Seasonal หลายหลายรูปแบบและวัสดุ โดยราคาเว็บไซต์อยู่ที่ $10,000 หรือประมาณ 270,000 บาท สำหรับรุ่น Limited Edition อย่างกระเป๋าที่ทำจากวัสดุหนังจระเข้สีดำ ในขนาด Medium นั้น ราคาซื้อขายในตลาดมือสอง ปัจจุบัน สูงถึง $8,400 หรือ 260,000 บาท เลยทีเดียว
Making Your Selection : เลือกใบที่ใช่ของคุณ
การเลือกกระเป๋า ควรเลือกที่เหมาะกับ Life Style ของคุณ และถ้าหากคุณวางแผนที่จะขายมันในอนาคตละก็ แนะนำให้เลือกกระเป๋าที่มีสีพื้น เช่น สีดำ สีเบจ หรือสีน้ำเงินเข้ม เพราะสีเหล่านี้เป็นสียอดนิยมตลอดกาล ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน กระเป๋ายังคงคุณค่าในตัวมันเองอยู่เสมอ และคุณควรทำการดูแลมันประหนึ่งเครื่องประดับอันมีค่า
เนื่องจากราคาของกระเป๋าในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ 2 นั้น สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่นำมาพิจารณาก่อนตั้งราคา คือ สภาพโดยทั่วไปของตัวกระเป๋า รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มา ยิ่งมีสภาพดีเท่าไหร่ ราคาซื้อขายก็จะสูงตามไปด้วยเท่านั้น สีที่พบมากที่สุดในตลาดการประมูล รวมทั้งเป็นสีที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ สีดำ โดยคิดเป็น 45% ตามด้วยสีขาว 9% สีเบจ 7% และสีน้ำเงิน 6%
กระเป๋า Lady Dior นั้นเป็นกระเป๋าที่คุ้มค่าแก่การลงทุน เป็นการลงทุนที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้มีความแตกต่างจากกระเป๋าท้องตลาดทั่วไป กล่าวคือ สีสันและวัสดุ รวมถึงดีไซน์ที่ยังคงรูปแบบเดิมตั้งแต่ออกจำหน่ายครั้งแรก ทำให้มันยังคงความเป็นเอกลักษณ์และทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย โดยคุณไม่จำเป็นต้องวิ่งตามแฟชั่นให้เหนื่อย
ความนิยมของ Lady Dior ที่ไม่เคยลดลง ตั้งแต่ทำการเปิดตัว เมื่อปี ค.ศ. 1995 เป็นต้นมา เป็นอีกหนึ่ง ITEM ในฝันของสาว ๆ ความคลาสสิครวมถึงดีไซน์งดงามอันเป็นอมตะของกระเป๋ารุ่นนี้ไม่เคยตกเทรนด์ แต่กลับได้รับความนิยมมากขึ้น การเพิ่มเติมวัสดุและสีสันต่าง ๆ ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ของตัวกระเป๋าไว้ นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ที่สามารถพบได้ ในกระเป๋าแห่งประวัติศาสตร์ของงการแฟชั่นรุ่นนี้ เพราะไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่ปี ยังคงคุณค่าเอาไว้ได้ไม่เสื่อมคลาย เป็นเครื่องหมายการันตีความงามอันเป็นอมตะของ Lady Dior
ทาง SF Brandname ยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจรไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตามช่องทางดังต่อไปนี้
- Facebook : sfbrandname
- IG : sfbrandname
- Line : @sfbrandnamebkk